วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Pygmalion and Galatea

Anglo-society ของเรามีอายุครบหนึ่งขวบปีแล้วนะคะ เดือนแห่งความรักปีที่แล้วจำได้ว่าได้ลงเรื่อง Cupid and Psyche ปีนี้เลยไปขุดคุ้ยตำนานเทพปกรณัมที่เกี่ยวกับความรักมาให้รู้จักกันอีกหนึ่งเรื่องก็คือ Pygmalion and Galatea ซึ่งก็เป็นปกรณัมอีกเรื่องที่บันดาลแรงบันดาลใจให้กับงานวรรณกรรมอังกฤษอีกหลายชิ้นในเวลาต่อมาค่ะ

เรื่องราวของ Pygmalion ปรากฎอยู่ใน Metamorphoses เล่มที่สิบ (ทั้งชุดมี 15 เล่ม ประมาณ 250 เรื่อง) เรียบเรียงและบันทึกเป็นร้อยกรองภาษาละติน (dactylic hexameter) โดยคุณ Ovid กวีชาวโรมัน (43 BC- 17/18 AD) คำว่า Metamorphoses แปลว่า Transformations หมายถึง ความเปลี่ยนแปลง หรือความเป็นไป หนังสือเซทนี้กล่าวถึงกล่าวถึงตำนานเทพปกรณัมหลายๆเรื่องของกรีกต่อเนื่องมาจนยุคโรมันค่ะ

1. Pygmalion and Galatea


2. The cover of Metamorphoses
3. Pygmalion


Pygmalion เป็นชื่อของหนุ่มน้อยประติมากรฝีมือเอกแห่งเกาะ Cyprus หนุ่มน้อยผู้นี้มีความจงเกลียดจงชังอิสตรีมากเป็นพิเศษอันเนื่องจากได้ไปพบเห็น Propoetides (เหล่าธิดาของ Propoetus แห่งเมือง Amathus บนเกาะ Cyprus) พวกนางทำกิริยาไม่สงวนเนื้อสงวนตัว สำส่อนเยี่ยงโสเภนีซ้ำยังไร้ความเคารพยำเกรงต่อ Venus เทพีแห่งความรักและความงาม สุดท้ายพวกนาง Propoetides ก็ได้รับผลกรรม ด้วยความร่านราคะทะลุปรอท พวกนางจึงสูญเสียยางอาย ไม่อาจจะขวยเขินหน้าแดง และไม่อาจจะรู้สึกรู้สาอะไรกับความรักได้อีกต่อไปในที่สุดร่างกายและจิตใจก็เลยเย็นชาและแข็งทื่อกลายเป็นหินไปซะ

ด้วยภาพพฤติกรรมอันน่าดูแคลนของเหล่า Propoetides ยังตราตรึงฝังใจ หนุ่มน้อย Pygmalion จึงครองตัวโสดด้วยเหมาเอาว่าพวกสตรีนั้นช่างไม่มีความสงบเสงี่ยมเจียมพรหมจารีในกมลสันดานเอาเสียเลย

Pygmalion loathing their lascivious life,
Abhorr'd all womankind, but most a wife:
So single chose to live, and shunn'd to wed,
Well pleas'd to want a consort of his bed.

Pygmalion จึงจัดแจงแกะสลักงาช้าง (ivory) ออกมาเป็นสาวงามตามแบบอุดมคติของตน บรรจงแกะไปวันแล้ววันเล่า สาวน้อยงาช้างนี้ก็ทวีความงามและความเหมือนจริงขึ้นเสียจนไม่มีหญิงใดในธรรมชาติจะงามได้เทียมเท่าอีกแล้ว หนุ่มน้อย Pygmalion ที่เฝ้าสลักเสลาและพิศดูน้องนางอยู่ทุกวี่ทุกวันจึงตกหลุมรักกับผลงานของตนเองในที่สุด น่าสงสารพ่อหนุ่มเพราะแม้จะจับมือ โอบกอดหรือจุมพิต นางนั้นก็เป็นเพียงรูปปั้นที่แข็งทื่อและเย็นเชียบ Pygmalion หาอาภรณ์อันงดงามให้นางใส่ นำดอกไม้และของขวัญมาให้ และเมื่อตกค่ำก็นำนางไปกอดนอนด้วย ได้แต่ฝันเอาว่านางเป็นสาวน้อยที่มีชีวิตและตอบรับความรักจากเขาได้จริงๆ



Yet fearing idleness, the nurse of ill,
In sculpture exercis'd his happy skill;
And carv'd in iv'ry such a maid, so fair,
As Nature could not with his art compare,
Were she to work; but in her own defence
Must take her pattern here, and copy hence.
Pleas'd with his idol, he commends, admires,
Adores; and last, the thing ador'd, desires.


4. Pygmalion ผลงานของ Pecheux Laurent



ความเศร้าโศกสิ้นหวังของ Pygmalion มิได้คลาดสายตา Venus เทพีแห่งความรักไปได้ พอถึงวันเฉลิมฉลองวันเกิดขององค์เทพี (Venus เกิดมาจากฟองคลื่นในทะเล มาเกยตื้นที่เกาะ Cyprus แห่งนี้เอง แต่ละปีชาวเมืองจึงแห่กันมาฉลองวันที่นางได้ขึ้นมาบนโลกมนุษย์เป็นครั้งแรก) ในวันนี้บรรดาผู้ไม่สมหวังในรักก็จะนำข้าวของมาเซ่นสังเวยบูชานางพร้อมอธิษฐานขอให้สมหวังเสียที ปีนี้ Pygmalion ก็เป็นหนึ่งในผู้ไม่สมหวังเช่นกัน เขาอธิษฐานต่อหน้าแท่นบูชา และ Venus ก็ตอบรับคำอธิฐานนั้นโดยทำให้กองไฟหน้าแท่นลุกโชติช่วงขึ้นสามครั้ง

5. Pygmalion อ้อนวอน Venus

Pygmalion รับรู้ได้ถึงนิมิตรจาก Venus เขากลับบ้านและรี่เข้าไปหาสาวน้อยงาช้างนั้น เข้าตระกองกอดและจุมพิตนางเนิ่นนาน ริมฝีปากที่แข็งและเย็นเริ่มอ่อนนุ่ม ร่างกายของสาวน้อยมีความอุ่น และเขาก็สัมผัสได้ว่าชีพจรของเธอเริ่มเต้นตุบๆ พอผงะออกมาก็ได้ว่าเห็นสาวน้อยงาช้างนั้นบัดนี้มีชีวิต มีเลือดเนื้อเป็นมนุษย์ทุกประการ สาวน้อยมองเขาพร้อมกับเขินหน้าแดง Pygmalion ตั้งชื่อให้สาวน้อยว่า Galatea


He kisses her white lips, renews the bliss,
And looks, and thinks they redden at the kiss;
He thought them warm before: nor longer stays,
But next his hand on her hard bosom lays:
Hard as it was, beginning to relent,
It seem'd, the breast beneath his fingers bent;
He felt again, his fingers made a print;
'Twas flesh, but flesh so firm, it rose against the dint:
The pleasing task he fails not to renew;
Soft, and more soft at ev'ry touch it grew;
Like pliant wax, when chasing hands reduce
The former mass to form, and frame for use.




6. Pygmalion by Louis Jean François Lagrenée (1724 - 1805)
7. Pygmalion by François Boucher, Pygmalion and Galatea (1767)

แน่นอนว่าแล้วทั้งคู่ก็แต่งงานกันแฮ๊ปปี้เอ็นดิ้ง โดยมี Venus มาปรากฏกายร่วมอวยพรด้วย ทั้งคู่มีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนคือ Paphos ซึ่งกลายเป็นชื่อเมืองโปรดของของ Venus อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ Cyprus

The Goddess, present at the match she made,
So bless'd the bed, such fruitfulness convey'd,
That ere ten months had sharpen'd either horn,
To crown their bliss, a lovely boy was born;
Paphos his name, who grown to manhood, wall'd
The city Paphos, from the founder call'd.

(Translated to English by Sir Samuel Garth, John Dryden, et al)


มีงานวรรณกรรมหลายชิ้นเลยทีเดียวทั้งเป็นงานที่นำ Pygmalion มาเขียนใหม่ เขียนถึง หรือเขียนเรื่องด้วย plot ใหม่แต่ดำเนิน theme ในลักษณะที่เป็นรูปปั้น ภาพเขียน หรือสิ่งไม่มีชีวิตที่ได้ฟื้นขึ้นมาเป็นมนุษย์ เช่นในบทละครเรื่อง “The Winter’s Tale” (ค.ศ.1611) ของ William Shakespeare ก็มีฉากตอนจบที่รูปปั้นของราชินี Hermione กลับมีชีวิตขึ้นมาอย่างปาฏิหารย์ หรือ เช่นเรื่องของตุ๊กตาหุ่นไม้ตัวน้อย “Pinochio” ของช่างแกะไม้ที่กลายเป็นเด็กชายขึ้นมา (ค.ศ.1881)

8. The Winter's Tale
9. Phinocchio

และอีกเรื่องที่โด่งดังสุดๆ ประสบความสำเร็จทั้งในฐานะที่เป็นบทละคร ภาพยนต์ และละครเพลงก็คือ “Pygmalion” หรือ “My Fair Lady” ของ George Bernard Shaw นักเขียนชาวอังกฤษ ว่าด้วยเรื่องราวของ Professor Higgins ที่ไม่พิสวาสสตรีใดเลย พยายามปลุกปั้นเด็กสาวขายดอกไม้พูดจาด้วยสำเนียงชั้นต่ำให้พูดจาด้วยสำเนียงราชนิกูลตบตาสังคมไฮโซ สุดท้าย professor ก็ตกหลุมรักผลงานของตัวเองเช่นเดียวกับ Pygmalion

Pygmalion เวอร์ชั่นนี้ได้รับความนิยมมาก และตัวละครเอกสาวน้อย Eliza แสดงโดย Audrey Hepburn ก็เป็นที่จดจำเอามากๆเสียจน Barbie ต้องออก Hollywood Legends Collection ให้เลยทีเดียว


กุมภาพันธ์ปีหน้าสัญญาว่าจะเอาเรื่องราวความรักแบบคลาสสิคๆมาแบ่งปันอีกนะคะ สำหรับปีนี้แฮ๊ปปี้วาเลนไทน์ค่ะ

Photo courtesy:
1.http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Pygmalion_and_Galatea_(Normand).jpg
2.http://stp.nimk.nl/?p=49
3.http://www.uvm.edu/~hag/ovid/garth/garthb10p96.html
4.http://www.oceansbridge.com/oil-paintings/product/79846/pygmalionandgalatea
5.http://www.virtualuffizi.com/uffizi1/Uffizi_Pictures.asp?Contatore=294
6.http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Ljf_lagrenee_pygmalion_and_galatea.jpg
7.http://likelyimpossibilities.blogspot.com/2010/12/anacreonpygmalion-gods-must-be-crazy.html
8.http://absoluteshakespeare.com/pictures/winters_tale.htm
9.http://judecalverttoulmin.blogspot.com/2009_03_01_archive.html

Reference:
http://www.britannica.com/EBchecked/topic/484560/Pygmalion
http://en.wikipedia.org/wiki/Pygmalion_(mythology)
http://www.uvm.edu/~hag/ovid/garth/garthb10p96.html
http://stp.nimk.nl/?p=49
http://www.reference.com/browse/Propoetides

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น