วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lucifer, Satan and 666

จากบทความเรื่องปฐมกาลอาจทำให้หลายคนสงสัยว่าพระเจ้าสร้างโลกมาสวยงามแล้วอยู่ดีๆมีงูที่เชื่อว่าเป็นสมุนซาตานหรือซาตานจำแลงโผล่มาจากไหน เหตุใดจึงต้องมาปั่นหัวอดัมกับอีฟ

พระคัมภีร์ Bible ฉบับแรกเขียนขึ้นด้วยภาษาฮีบรู (Hebrew) และได้เอ่ยถึง ‘helel’ แปลว่า ‘ดาวที่สุกสว่าง หรือรุ่งอรุณ ’ซึ่งต่อมาเมื่อพระคัมภีร์ได้รับการแปลเป็นภาษาละติน ก็ได้เทียบใช้คำว่า lucem ferrer หมายถึง light bearer (ผู้ถือไฟ คือผู้นำความสว่าง หรือแปลว่า รุ่งอรุณ) คำว่า Lucifer ในพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษก็ถอดมาจากคำละตินคำนี้เอง Lucifer ยังเป็นชื่อเรียกดาวศุกร์ (Venus) เพราะเป็นดาวที่เราเห็นได้ก่อนรุ่งอรุณด้วย ชื่อเป็นมงคลอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นผู้ร้ายไปได้ เชื่อกันว่าเดิมที Lucifer เป็นอัครเทวฑูตใหญ่ทีเดียว บ้างว่าเป็นชั้น Seraphim ที่ใหญ่กว่าทวยฑูตทั้งปวง นิกายโรมันคาทอลิกได้กล่าวถึงลำดับชั้นของทวยฑูต (order of angels) ไว้ดังนี้
Seraphim Cherubim -- Thrones Dominions-- Virtues -- Powers -- Principalities -- Archangels -- Angels




ว่ากันว่า Lucifer เกิดความโอหังอยากเป็นใหญ่กว่าพระเจ้า ในที่สุดจึงถูกขับออกมาจากสวรรค์พร้อมกับบรรดาสมุนที่สมคบการร่วมกัน เราเรียกพวกนี้ว่า ‘fallen angels’ (สำหรับคริสตชน การโอ้อวดว่าตนดีเลิศกว่าใคร (egotism หรือ pride) ถือเป็นการละเมิดบาปหนักเจ็ดประการ (the Seven Deadly Sins หรือ Cardinal Sin ประกอบด้วย Lust - ราคะ / ตัณหา / ความต้องการในกาม- Gluttony – ตะกละ, Greed - โลภ ตระหนี่, Sloth – เกียจคร้าน, Wrath – โทสะ, Envy – อิจฉาริายา, Pride - ทะนงตน / โอหัง) จึงถือกันว่า Lucifer เป็นฑูตสวรรค์องค์แรกที่ทำบาป



พระคัมภีร์ Bible ภาคพันธสัญญาเก่า (the Old Testament) ได้อิงถึงเรื่องราวที่ว่ามีฑูตตกสวรรค์นี้ไว้ในนิมิตรของอิสยาห์ (Isaiah 14:12) ในตอนที่กล่าวถึงเรื่องการเย้ยหยันพระราชาแห่งบาบิโลนไว้ดังนี้

How you have fallen from heaven, o morning star, son of the dawn! You have been cast down to the earth, you who once laid low the nations! You said in your heart, “I will ascend to heaven; I will raise my throne above the stars of God; I will sit enthroned on the mount of assembly, on the utmost heights of the sacred mountain. I will ascend above the tops of the clouds; I will make myself like the Most High.” But you are brought down to the grave, to the depths of the pit.

ฉบับแปล: โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ‘ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด’ แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตายยังที่ลึกของปากแดน



ในจุดนี้มีข้อถกเถียงว่า นิมิตรของอิสยาห์ไม่ได้ระบุว่า Morning Star/ Son of the Dawn กับ Lucifer เป็นคนๆเดียวกัน แต่บังเอิญว่าชื่อ Lucifer ไปมีความหมายทับซ้อนกันพอดีขนาดว่าในพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษ (King James’ Version) ยังได้แปล ‘Morning Star’ เป็น ‘Lucifer’ ( “How art thou fallen from heaven, O Lucifer, son of the morning! )

นอกจากนี้พระคัมภีร์ก็ไม่ได้ระบุว่า Lucifer กับ Satan เป็นคน/ตนเดียวกัน ทว่า มีการกล่าวถึงซาตานว่าตกลงมาจากสวรรค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (the New Testament) ซึ่งเหตุการณ์นี้ช่างคล้ายเหตุดาวตกสวรรค์ที่ได้เอ่ยไว้ในนิมิตรของอิสยาห์เหลือเกิน เช่น ในลูกา (Luke 10:18)

He replied, “I saw Satan fall like lightning from heaven.
ฉบับแปล: พระองค์(พระเยซู)ได้ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ”


หรือในวิวรณ์ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงกาลสิ้นสุดของโลก (Revelation 9:1)
“I saw a star fallen from heaven to earth, and he was given the key to the shaft of the bottomless pit”
ฉบับแปล: ข้าพเจ้าก็เห็นดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้าลงมาที่แผ่นโลก




จึงเกิดการเชื่อมโยงชื่อสามชื่อนี้เข้าไว้ในบุคคลคนเดียวกัน ทั้ง Morning Star, Lucifer และ Satan ด้วยประการฉะนี้นั่นเอง ปัจจุบันคำว่า Lucifer เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าหมายถึง Satan แต่ชื่อหลังเป็นชื่อที่ได้รับเมื่อตกสวรรค์ไปแล้ว เราพบเห็นชื่อนี้ได้ในงานเขียนที่มีชื่อเสียงเช่น Inferno ของ Dante และ Paradise Lost ของ Milton นอกจากชื่อ Lucifer ที่ยังถกเถียงเรื่องการตีความกันไม่จบนี้พระคัมภีร์ได้ใช้คำที่หมายถึงซาตานไว้หลายคำ เช่น Adversary (อริ), Angel of light, Angel of Bottomless Pit, Antichrist, Beast, Deceiver (ผู้หลอกลวง), Devil, Dragon, Little Horn (เป็นซาตานตัวแดงๆมีเขาที่หัว), Man of Sin, Ruler of the Darkness, Tempter, Wicked One เรียกได้ว่ากล่าวถึงซาตานบ่อยครั้ง รองจากการกล่าวถึงพระเจ้าและพระเยซูเลยทีเดียว



เชื่อว่าเหตุที่ Satan มาล่อลวงมนุษย์ในสวนอีเดนก็เพราะเห็นว่าพระเจ้าเอ็นดูมนุษย์มากเป็นพิเศษ Satan จึงอยากจะทำร้ายพระเจ้าด้วยการลวงให้มนุษย์ทรยศพระเจ้าเช่นเดียวกับที่ตนเคยทำมาก่อนแล้วนั่นเอง ปัจจุบัน Satan ก็ยังวนเวียนหลอกล่อให้มนุษย์เลิกนับถือพระเจ้า หันมาบูชาตนและทำความเสื่อมทรามเรื่อยไป พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงกาลข้างหน้าในวิวรณ์ (Revelation 13: 16-18) ว่าผู้ที่ภักดีต่อ Satan จะมีเครื่องหมายที่มือขวาและหน้าผาก


He also forced everyone, small and great, rich and poor, free and slave, to receive a mark on his right hand or on his forehead, so that no-one could buy or sell unless he had the mark, which is the name of the beast or the number of his name. This calls for wisdom. If anyone has insight, let him calculate the number of the beast, for it is man’s number. His number is 666.

ฉบับแปล: และมันยังได้บังคับคนทั้งปวงทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย คนมั่งมีและคนจน ไทยและทาสให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือหน้าผากของเขา เพื่อไม่ให้ผู้ใดทำการซื้อขายได้นอกจากผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น ซึ่งเป็นชื่อของสัตว์ร้ายนั้น หรือเลขชื่อของมัน ในเรื่องนี้จงใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าผู้ใดมีความเข้าใจก็ให้คิดตรึกตรองเลขของสัตว์ร้ายนั้น เพราะว่าเป็นเลขของบุคคลผู้หนึ่ง เลขของมันคือ หกร้อยหกสิบหก




นอกจากเลข 13 ที่เป็นเลขอวมงคลทางศาสนาคริสต์เพราะคือจำนวนผู้ร่วมโต๊ะในพระกระยาหารมื้อสุดท้ายก่อนพระเยซูถูกตรึงกางเขนแล้ว เลข 666 ก็ถือเป็นที่อัปมงคลแบบสุดๆเลยทีเดียว ปัจจุบันมีลัทธิบูชาซาตาน (Satanism) ซึ่งมีสัญลักษณ์ที่เราคงเคยพบเห็นบนไพ่ทาโร (Tarot) คือไพ่ The Devil รูปนั้นคือ Baphomet (สันนิษฐานว่าเป็นชื่อที่อาจมาจากภาษากรีก Baphe และ Metis แปลว่า การซึมซาบความรู้ (Baptism of Wisdom หรือ Absorption of Knowledge)) Baphomet มีตัวเป็นคน หัวเป็นแพะ ลำตัวช่วงอกเป็นเพศหญิงแสดงถึงความเป็นแม่ (maternity) แต่ช่วงล่างมีองคชาติขนาดใหญ่ยาวตั้งตระหง่านพร้อมใช้งานแถมยังมีงูพันรอบ แสดงถึงพลังอำนาจของเพศชาย (male sexual potency) และมีดาวห้าแฉก (pentagram) อยู่ที่หัว แม้ icon นี้จะป๊อบปูล่าในศตวรรษที่ 19 ในฐานะเป็นเครื่องหมายการค้าของลัทธิ Satanism แต่ก็มีเรื่องราวเล่าขานเกี่ยวกับ Baphomet นานนมมาตั้งแต่ยุคกลางโน่น บ้างอ้างว่าเป็นรูปเคารพที่อัศวินเทมพลาร์นอกรีตนอกรอยบางคน (Knight Templar เป็นอัศวินผู้พิทักษ์ศาสนาคริสต์ เป็นหน่วยรบที่มีฝีมือในสงครามครูเสด) แอบบูชาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ (fertility) และความมั่งคั่ง (wealth) การบูชา Baphomet ก็มีตั้งแต่อัญเชิญมาสิงร่างไปจนถึงการบูชายันต์ด้วยเลือด หรือชีวิต


สัญลักษณ์ซาตานอีกอย่างที่เราพบเห็นบ่อยมากก็คือการทำมือแบบที่เราเข้าใจว่า ‘I love you’ สัญลักษณืนี้ขณะเดียวกันเป็นสัญลักษณ์ซาตานด้วย เพราะเหมือนเขาของมัน (The Devil’s Horn) แหม่ คนดังๆทำกันออกเพียบ ไม่ได้มีแค่ Rock Stars นะเนี่ย




แต่ซาตานจะไม่อยู่รอดได้ตลอดไป เพราะพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงกาลสิ้นสูญของ Satan และเหล่าสมุนไว้ในวิวรณ์ หรือ The Revelation ว่า สุดท้ายแล้วเมื่อวันพิพากษามาถึง (Armageddon) ฝ่ายพระเจ้าและผู้ที่ศรัทธาพระเจ้าจะชนะ ส่วนซาตานและเหล่าสมุนก็จะถูกจับโยนลงนรกไป


Thank you:

http://www.markbeast.com/satan/lucifer-satan-devil.htm
http://www.markbeast.com/satan/names-of-satan.htm
http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20080308150150AAe97af
http://www.f0nt.com/forum/index.php/topic,17605.0.html
http://www.gotquestions.org/Lucifer-Satan.html
http://blog.templarhistory.com/2010/04/the-baphomet-mythos/
http://www.satanic-kindred.org/baphomet.htm

and...wikipedia