วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

The Great Flood: เมื่อน้ำท่วมโลก

**ช่วงนี้ blog เขียนแล้วมีอาการ layout เพี้ยนๆ เปิดมาแต่ละครั้งข้อความเรียงไม่ตามลำดับบ้าง กระจุยกระจายบ้าง font ตัวเล็กใหญ่ไม่เท่ากันบ้าง ไม่รู้เพราะอะไร ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ**

ฤดูฝนแห่งปีพ.ศ. 2554 นี้สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยวิกฤติมากนะคะ จึงขอลัดคิวเอาเรื่องน้ำๆมาลงให้ก่อนเลย  เห็นน้ำมากมายอย่างนี้หลายคนอาจจะอดคิดไม่ได้ว่าน้ำอาจจะท่วมโลกครั้งใหญ่ขึ้นมาอีก ทั้งภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกที่มีอัตราเร่งละลายสูงขึ้นทุกปี เมื่อพูดถึงน้ำท่วมโลก (The Great Flood หรือ The Deluge) ก็ชวนให้นึกถึงเรื่องราวของนาย Noah ที่บรรทุกสารพัดสัตว์ใส่เรือขนาดใหญ่ (ark) และรอดชีวิตจากน้ำท่วมในครั้งนั้น พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้เอาไว้ในบทปฐมกาล (Genesis 6-9) ดังจะนำมาเล่าขยายความให้อ่านกันในครั้งนี้ค่ะ
1. "The Deluge" by Michaelangelo, 1509
หลังจากที่พระเจ้าทรงสร้างนายอดัมและนางอีวาและขับไล่ให้ทั้งสองระเห็จจากสวรรค์มาอยู่บนดินแล้ว สองศรีนี้ก็แตกหน่อสืบลูกหลาน จวบจนถึงเจเนอเรชั่นของนายโนอาห์พระเจ้าก็มีดำริห์จะชำระล้างโลกให้สะอาดโดยทรงบันดาลให้เกิดน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ชนิดที่ไม่อาจมีสิ่งมีชีวิตใดจะเหลือรอดอยู่ต่อไปได้อีก เพราะทรงเห็นว่าความชั่วโฉดของมนุษย์นั้นนับวันยิ่งจะมีดีกรีแรงขึ้นทุกที
Now the earth was corrupt in God’s sight and was full of violence. God saw how corrupt the earth had become, for all the people on earth had corrupted their ways. So God said to Noah, “I am going to put an end to all people, for the earth is filled with violence because of them.” (Genesis 6: 11-13)

คนทั้งโลกเสื่อมทรามไปในสายพระเนตรของพระเจ้า และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยความทารุณ พระเจ้าทอดพระเนตรผ่านแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะบรรดามนุษย์ประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า “เราตัดสินใจแล้วว่าจะให้บรรดามนุษย์ถึงความพินาศเสียที ด้วยเหตุว่าโลกเต็มไปด้วยความทารุณเพราะความทารุณเพราะการกระทำของมนุษย์ ดูเถิดเราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก” (ปฐมกาล 6: 11-13)

พระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมาให้มีหน้าตาเหมือนพระองค์และทรงรักมนุษย์มาก แม้จะขับไล่ให้นายอดัมกับนางเอวาลงมาลำบากยากเข็ญบนโลก แต่ก็ยังทรง keep in touch คอยดูแลสม่ำเสมอ พระเจ้าไม่ได้ประสงค์อยากทำลายมวลมนุษย์ ทว่าเมื่อเหตุการณ์พลิกผันกลายเป็นวิปริตจนทำให้ต้องทรงตัดสินพระทัยกวาดล้างสิ่งมีชีวิตที่ทรงตั้งใจสรรค์สร้างมากับมือก็ทรงปวดพระทัยอยู่
The LORD saw how great man’s wickedness on the earth had become, and that every inclination of the thoughts of his heart was only evil all the time. The LORD was grieved that he had made man on the earth, and his heart was filled with pain. So the LORD said, “I will wipe mankind, whom I have created, from the face of the earth—men and animals, and creatures that move along the ground, and birds of the air—for I am grieved that I have made them.” (Genesis 6:5-7)


พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป พระเจ้าจึงเสียพระทัยที่ได้สร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัส พระเจ้าจึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ทั้งมนุษย์สัตว์กับบรรดาสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างมา” (ปฐมกาล 6: 5-7)

แล้วอะไรเป็นมูลเหตุให้มนุษย์เปลี่ยนแปรสันดานไปในทางเสื่อมจนรับไม่ได้เมื่อวันเวลาดำเนินผ่านไป  หากจะคุ้ยเขี่ยหามูลในเรื่องนี้ก็ต้องท้าวความไปที่วรรคก่อนหน้าสักเล็กน้อย พระคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวไว้ว่า
When men began to increase in number on the earth and daughters were born to them, the sons of God saw that the daughters of men were beautiful and they married any of them they chose. Then the LORD said, “My Spirit will not contend with man for ever, for he is mortal; his days will be a hundred and twenty years.” (Genesis 6:1-3)


มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดี ก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา พระเจ้าจึงตรัสว่า“วิญญานของเราจะไม่สถิตอยู่ในมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง อายุของเขาจะไม่เกินร้อยยี่สิบปี” (ปฐมกาล 6:1-3)

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมระบุไว้ชัดเจนว่ามนุษย์ในสมัยบรรพกาลมีอายุยืนยาวมาก นายอดัมได้สิ้นอายุขัยเมื่อวัย 930 ปี ส่วนนายโนอาห์ก็สิริรวมอายุได้ 950 ปีแต่แล้วพระเจ้าก็ประสงค์ให้ผู้คนในรุ่นหลังมีอายุเต็มที่เพียง 120 ปี เท่านั้น เข้าใจว่ามนุษย์สมควรมีชีวิตที่สั้นลงเพราะเดิมทีพระเจ้าเป็นผู้สร้างนายอดัมและอีวาด้วยหัตถ์ของพระองค์เอง ดังนั้นคนสองคู่นี้จึงถือว่าได้รับกำเนิดจากพระเจ้าโดยตรง ทีนี้ลูกหลานที่ออกมาจากสองศรีก็ต้องถือว่าได้ห่างไกลจากคำว่า ‘โดยตรง’ ไปอีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้การผสมข้ามกันของ sons of God และ daughters of men ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มนุษย์มีลักษณะห่างไกลจากพระเจ้า และควรมีสถานภาพเป็น mortal (ไม่เป็นอมตะ) มากขึ้นด้วยการมีชิวิตที่สั้นลง


อนึ่ง sons of God และ daughters of men นี้ยังเป็นที่ถกเถียงในการตีความพระคัมภีร์ในปัจจุบันว่าหมายถึงกลุ่มคนผู้ใดแน่เนื่องจากพระคัมภีร์ไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเฉพาะเจาะจงนัก แต่ดูเหมือน sons of God กับ daughters of men จะเป็นคนละกลุ่มกัน และมาข้องแวะสมสู่กัน หากอ่านพระคัมภีร์บรรทัดถัดลงมาจะได้ความว่า

The Nephilim were on the earth in those days—and also afterwards—when the sons of God went to the daughters of men and had children by them. They were the heroes of old, men of renown. (Genesis 6: 4)


ในคราวนั้นมีคนเนฟิล (คือพวกมนุษย์ยักษ์) อยู่บนพื้นดิน เมื่อบุตรของพระเจ้าได้สมสู่อยู่กับบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร พวกนี้เป็นคนแกล้วกล้าในโบราณกาล เป็นคนมีชื่อเสียง (ปฐมกาล 6:4)

Nephilim (รูปพหูพจน์) มีกำเนิดจาก sons of God และ daughters of men อย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าบุพการีของพวก Nephilim นี้เป็นใคร มีส่วนทำให้พงษ์พันธุ์ของมนุษย์มีมลทินถึงขั้นสมควรถูกกวาดล้างหรือไม่ การตีความ sons of God และ daughters of men ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองทรรศนะใหญ่ๆ



2. Cain and Abel
 ทรรศนะแรกเชื่อว่า daughters of men คือบรรดาหญิงที่สืบสายมาจาก Cain ซึ่งเป็นบุตรชายคนแรกของนายอดัมและนางเอวา สายเลือดของ Cain (Cainites) จัดเป็นสายเลือดที่เปื้อนบาปเหตุเพราะเมื่อครั้งยังมีชีวิต Cain และ Abel ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ได้ถวายของบูชาพระเจ้า (offering) Cain ถวายธัญหารที่เขาเก็บเกี่ยว ส่วน Abel ถวายลูกแกะจากฝูงที่ตนเลี้ยง พระเจ้าพึงพอใจของถวายของ Abel มากกว่าทำให้ Cain เกิดความริษยาถึงขั้นลงมือสังหารน้องชายในที่สุด Cain ถูกพระเจ้าจึงสาป แล้วจึงลี้หนีไปอยู่ที่อื่น มีภรรยาและแตกหน่อวงศ์ประยูร วงศ์วานของ Cain ก็เลยถือว่ามีบาปนั้นเปื้อนอยู่ด้วย ส่วน sons of God คือเหล่าชายหนุ่มที่สืบสายมาจาก Seth (Sethites) ซึ่งเป็นบุตรคนที่สามของนายอดัมและนางเอวาซึ่งเกิดหลังจากที่ Abel ถูกฆาตรกรรมไปแล้ว Seth เป็นคนดี วงศ์วานของ Seth เป็นกลุ่มที่เชื่อฟังพระเจ้า ได้ทำคุณงามความดีและเป็น “men of renown” เมื่อในที่สุดสายเลือดของสองวงศ์วานนี้มาปะปนกันเลือดบาปจึงแพร่ออกไปทำให้พงษ์พันธุ์ของมนุษย์ไม่เหลือความบริสุทธิ์


ส่วนอีกทรรศนะหนึ่งเชื่อว่า Nephilim เป็นลูกผสม (hybrid) ระหว่าง sons of God ซึ่งเชื่อว่าเป็นพวกฑูตตกสวรรค์ (fallen angels) และแม่เป็น daughters of men คือหญิงมนุษย์ธรรมดา มีผู้ร่วมสนับสนุนสมมุติฐานนี้อยู่พอสมควร โดยให้ข้อสังเกตว่า คำว่า sons of God หรือ sons of the Almighty เท่าที่เห็นปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์นั้นมักจะใช้ในการเอ่ยถึงสิ่งมีชีวิตที่ได้รับกำเนิดจากหัตถ์ของพระเจ้า คือฑูตสวรรค์ ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา เช่น
Now there was a day when the sons of God came to present themselves before the Lord, Satan also came among them (Job 1:6).



• When the morning stars sang together, and all the sons of God shouted for joy? (Job 38:7, cf. Psalm 89:6; Daniel 3:25).

(*พระคัมภีร์บางเวอร์ชั่นถ่ายภาษาโดยใช้คำว่า angels แทน sons of God)



3. Enoch
 ทรรศนะดังกล่าวสอดคล้องกับเนื้อหาในพระคัมภีร์เอโนค (The Book of Enoch ไม่ได้รวมอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลของชาวคริสต์ปัจจุบัน พระคัมภีร์นั้นกล่าวถึงนิมิตรที่พระเจ้าเผยแก่เอโนค รวมถึงเรื่องราวการกบฏของฑูตสวรรค์ (The Fall of the Angels) และวันพิพากษา (The Last Judgment) แม้พระคัมภีร์เอโนคไม่ได้ถูกจัดรวมไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่ชื่อของเอโนคนั้นมีปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่าเป็นบุคคลที่มีอยู่จริง เป็นเชื้อสายของ Seth และถือเป็นบรรพบุรุษของโนอาห์ด้วย คิดว่าโนอาห์คงเอาคัมภีร์เล่มนี้ลงเรือมาด้วยเลยเหลือรอดมา พระคัมภีร์เล่มนี้ได้สูญหายไปเป็นเวลากว่าพันปีและได้ค้นพบอีกครั้งเมื่อปีค.ศ. 1773 ในเอธิโอเปีย)

Enoch walked with God; then he was no more, because God took him away. (Genesis 4: 24)



เอโนค ผู้ได้ดำเนินกับพระเจ้า แล้วหายหน้าไป(ไม่ตาย) เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป (ปฐมกาล 4: 24)


4.
 พระคัมภีร์เอโนคเล่มที่หนึ่งได้กล่าวถึงเรื่องราวครั้งที่ฑูตสวรรค์ Samyaza ทำความผิดบาป (บ้างเชื่อว่าเป็นตนเดียวกับซาตาน แต่บ้างก็ว่าเป็นอีกตนหนึ่ง เป็นหัวโจกของกลุ่มทวยทูตสวรรค์ที่เรียกว่า The Watchers) Samyaza ได้ชักจูงทวยฑูตบางส่วนให้สมสู่กับหญิงมนุษย์เพราะเห็นว่าพวกนางสวยงามดี เกิดลูกออกมาเป็นยักษ์คือ Nephilim (คำว่า Nephilim ในภาษาฮีบรูแปลว่า fallen ones) เจ้ายักษ์เหล่านี้พอโตขึ้นมาก็ข่มเหงมนุษย์และกินมนุษย์ด้วย ได้ตั้งตนเป็น “men of renown” ด้วยลักษณะที่เหนือกว่าทางกายภาพ
"And they became pregnant, and they bare great giants, whose height was three thousand ells: Who consumed all the acquisitions of men. And when men could no longer sustain them, the giants turned against them and devoured mankind. And they began to sin against birds, and beasts, and reptiles, and fish, and to devour one another's flesh, and drink the blood. Then the earth laid accusation against the lawless ones. " (Enoch 7: 2-6)
นอกจากนี้พวก The Watchers ยังสอนมนุษย์ให้ทำเครื่องมือเครื่องใช้รวมถึงอาวุธสงคราม ทำให้พระเจ้าทรงกริ้วมาก มีรับสั่งให้เทวฑูต Michael ไปจัดการทำให้ Samyaza และพวกฑูตกบฏที่ทำผิดบาปตามกันตาบอด 70 ชั่วโคตร แล้วนำไปขังไว้ในหุบเขารอวันพิพากษาเพื่อรอฤกษ์ส่งตัวไปลงนรกอเวจีตลอดชั่วกัปกัลป์ หลังจากนั้นพระเจ้าจึงดำริห์จะล้างโลกที่กำลังวิปริต ได้ส่งเทวทูต Uriel ไปบอกโนอาห์ให้เตรียมต่อเรือเพราะจะทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกเพื่อชำระล้างครั้งใหญ่แล้ว

5. Saint  Michael

And the Lord said unto Michael: 'Go, bind Semjâzâ and his associates who have united themselves with women so as to have defiled themselves with them in all their uncleanness. And when their sons have slain one another, and they have seen the destruction of their beloved ones, bind them fast for seventy generations in the valleys of the earth, till the day of their judgement and of their consummation, till the judgement that is for ever and ever is consummated. In those days they shall be led off to the abyss of fire: and to the torment and the prison in which they shall be confined for ever. And whosoever shall be condemned and destroyed will from thenceforth be bound together with them to the end of all generations. (Enoch 10:11-14)
 
แม้เจ้าของทรรศนะแรกออกมาโต้แย้งว่า angels ไม่มีวันที่จะลดตัวลงมาสังวาสกับหญิงมนุษย์  เพราะ angels เป็นสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งควรสรรเสริญ แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวไว้ว่า แม้จะเป็นฑูตสวรรค์ หากกระทำการผิดบาปก็ย่อมถูกลงโทษด้วยเช่นกัน แสดงว่าความเป็นไปได้ที่ฑูตสวรรค์จะลงมาซุกซนนั้นก็อาจจะมีอยู่

• For if God did not spare angels when they sinned, but cast them into hell and committed them to pits of darkness, reserved for judgment; (II Peter 2:4).



• And angels who did not keep their own domain, but abandoned their proper abode, He has kept in eternal bonds under darkness for the judgment of the great day (Jude 6).

แต่เอาเถิด ตรงนี้เป็นรายละเอียดฟื้นฝอยในการตีความในวงการ  เอามาลงไว้พอเป็นน้ำย่อยให้ปวดสมอง ไม่ว่าพวก Nephilim จะเป็นใครก็แล้วแต่ สาระสำคัญคือเผ่าพันธุ์มนุษย์ในที่สุดแล้วมีความโหดร้ายในจิตใจและการกระทำจนเหลือจะเยียวยา การชำระล้างโลกให้สะอาดเสียใหม่จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ชะงัดที่สุด อนึ่ง มีผู้ให้ความเห็นเสริมว่าวันหนึ่งพระเจ้าจะต้องส่งบุตรชาย หรือ พระเมสสิอาห์ (Messiah หรือ Jesus ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์) ให้มาจุติจากหญิงมนุษย์เพื่อไถ่บาปให้กับมวลมนุษย์ หากต้องเป็นเช่นนั้นพระเมสิอาห์ก็สมควรมีกำเนิดจากวงศ์วานที่มีสายเลือดบริสุทธิ์


6. God commanded Noah
 Therefore the Lord himself shall give you a sign; Behold, a virgin shall conceive, and bear a son, and shall call his name Immanuel. (Isaiah 7: 14)


เพราะฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานหมายสำคัญเอง ดูเถิด หญิงสาวคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่า อิมมานูเอล (แปลว่า พระเจ้าทรงสถิตกับเราทั้งหลาย) (อิสยาห์ 7: 14)

พระเจ้าพิจารณาแล้วจึงเลือกโนอาห์เพราะเป็นผู้ที่มีความดีงามพร้อมในกลียุคนั้น

Noah was a righteous man, blameless among the people of his time, and he walked with God. (Genesis 6: 9)


โนอาห์เป็นคนชอบธรรม ดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า (ปฐมกาล 6: 9)


7. Hope
พระเจ้าให้โนอาห์พาครอบครัวและสิงสาราสัตว์ที่ทรงสร้างไว้อย่างละคู่ขึ้นเรือขนาดใหญ่ที่สั่งให้สร้างขึ้น จากนั้นก็ทรงส่งฝนลงมา 40 วัน 40 คืน น้ำจากใต้ดินและทุกสารทิศทะลักเข้ามาสู่ผิวโลก สิ่งมีชีวิตทุกชนิดจมหายไปในสายน้ำนั้น รวมเวลาหายนะทั้งสิ้น 150 วัน เมื่อน้ำเริ่มลด เรือของโนอาห์ก็ได้มาเกยที่ยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง (หลายคนเชื่อว่าเป็น Mount Ararat ซึ่งจัดเป็นภูเขาที่มหึมาที่สุดลูกหนึ่งของโลก อยู่ในประเทศตุรกีในปัจจุบัน อย่างไรก็ดีไม่พบหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนี้)
 
โนอาห์ส่งอีกา (raven) ออกไปเช็คดูสภาพภายนอก แต่มันก็ได้แต่บินไปบินมา จึงส่งนกเขา (dove) ออกไป แล้วนกก็บินกลับมาตีนเปล่า โนอาห์รออีกเจ็ดวันจึงส่งนกเขาออกไปใหม่ คราวนี้นกน้อยคาบเอาใบมะกอกสดจากต้นมาด้วย แสดงว่าน้ำลดจนแผ่นดินผุดแล้วเป็นแน่แท้ ภาพนกเขาคาบกิ่งมะกอกจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง


เมื่อน้ำลดจนแผ่นดินแห้งแล้ว พระเจ้าก็ให้โนอาห์และสัตว์ต่างๆออกมาจากเรือจะได้แตกหน่อลูกหลานบนโลกใหม่ที่หมดจดแล้ว โนอาห์ได้ถวายเครื่องสังเวยคือนกที่นำขึ้นเรือมาด้วยแก่พระเจ้า พระเจ้าได้กลิ่นหอมของนกย่างบนเปลวไฟก็สัญญากับโนอาห์ว่าจะไม่ให้เกิดน้ำท่วมโลกอีก
The LORD smelled the pleasing aroma and said in his heart: “Never again will I curse the ground because of man, even though every inclination of his heart is evil from childhood. And never again will I destroy all living creatures, as I have done. (Genesis 8:21)



พระเจ้าได้กลิ่นที่พอพระทัยแล้ว ทรงดำริห์ในพระทัยว่า “เราจะไม่สาปแผ่นดินอีกต่อไป แม้ว่ามนุษย์ไม่ดี ถึงเค้าความคิดในใจของมนุษย์ล้วนแต่ชั่วตั้งแต่เด็กมา เราจะไม่ประหารสิ่งทั้งหลายที่มีชีวิตเหมือนอย่างที่เราได้กระทำแล้วนั้นอีก” (ปฐมกาล 8:21)

พระเจ้าได้อวยพรให้โนอาห์แตกลูกหลานมากมายจนเต็มพื้นโลก และทรงทำสัญญากับโนอาห์ หมู่สัตว์ รวมถึงลูกหลานของโนอาห์ในวันข้างหน้า (พวกเรานั่นเอง) ว่าจะไม่ทำให้น้ำท่วมโลกอีก โดยประทานรุ้งกินน้ำไว้ที่ปลายฟ้าเพื่อย้ำเตือนสัญญาข้อนี้
Never again will the waters become a flood to destroy all life. Whenever the rainbow appears in the clouds, I will see it and remember the everlasting covenant between God and all living creatures of every kind on the earth. (Genesis 9: 15-17)


เราจะระลึกถึงพันธสัญญาระหว่างเรากับเจ้าและบรรดาสัตว์ที่มีชีวิต แล้วน้ำจะไม่ท่วมทำลายบรรดาสัตว์โลกอีกเลย เมื่อมีรุ้งที่เมฆ เราจะดูรุ้งนั้นและระลึกถึงพันธสัญญาถาวรระหว่างพระเจ้ากับบรรดาสัตว์โลกที่มีชีวิตซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลก (ปฐมกาล 9: 15-17)

ดังนั้นทุกครั้งที่เราเห็นรุ้งกินน้ำยามฝนตกนั่นแปลว่าฝนจะไม่ตกต้องจนท่วมโลกแน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าโลกจะไม่ถูกชำระล้าง ตามความเชื่อของคริสตศาสนาวันสุดท้ายของมวลมนุษย์จะต้องมาถึง และวันนั้นพระเมสสิอาห์จะมาปรากฏอีกครั้ง (The Second Coming)
No-one knows about that day or hour, not even the angels in heavens, nor the Son, but only the Father. As it was in the days of Noah, so it will be at the coming of the Son of Man. For in the days before the flood, people were eating and drinking, marrying and gibing in marriage, up to the day Noah entered theark; and they knew nothing about what would happen until the flood came and took them all away. That is how it will be at the coming of the Son of Man. (Matthew 24: 36-40)



แต่วันนั้น โมงนั้น ไม่มีใครรู้ ถึงบรรดาฑูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว ด้วยสมัยของโนอาห์ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้นคนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวาและน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น (มิทธิว 24: 36-40)

และคราวนี้พระเจ้าจะไม่ได้ทรงชำระด้วยน้ำ ทว่าจะทรงชำระด้วยไฟเป็นหลัก จะมีทั้งแผ่นดินไหว ฟ้าร้องฟ้าผ่า ลูกเห็บ ลูกไฟขนาดใหญ่ทุ่มทิ้งลงมาจากเบื้องบน โลกจะเกิดสงครามความรุนแรง ความอดอยากหิวโหย และโรคระบาด ที่สุดแล้วจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือรอด

8. "Four Horsemen of the Apocalypse" by Victor Vasnetsov, 1887

ภาพเชิงสัญลักษณ์จากพระคัมภีร์ไบเบิล (ในบทสุดท้ายคือ The Revelation หรือ วิวรณ์) อัศวินม้าขาวใส่มงกุฏคือชัยชนะ อัศวินม้าแดงคือความรุนแรงหรือการเข่นฆ่า อัศวินม้าดำคือความอดอยากและโรคภัย ส่วนอัศวินม้าซีดคือตัวแทนของความตาย
 
เมื่อการชำระล้าง สงครามที่จะได้รับชัยชนะเหนือซาตาน และการพิพากษาครั้งสุดท้ายจบสิ้น (The Apocalypse) ซึ่งจะกินเวลานับพันปี มนุษย์จะได้กลับไปรวมอยู่กับพระเจ้าอีกครั้งในดินแดนที่ปราศจากความหิวโหยและความทุกข์ใดๆ (The Holy City หรือ The New Jerusalem)

9. The New Jerusalem-- Alpha and Omega

ตรงนี้เลยทำให้นึกถึงสิ่งที่ชาวพุทธเรียกว่ายุคพระศรีอารย์เลยนะคะ เมื่อความเลวร้ายของมนุษย์เพาะเชื้อได้ที่เกิดเป็นกลียุค ท้ายที่สุดแล้วระบบวิปริตจะถูกจัดการและกลายเป็นยุคสมัยในอุดมคติที่มีแต่ความดีงามปราศจากความเลวร้ายทั้งปวง แม้ในรายละเอียดของแต่ละศาสนาจะต่างกันแต่คอนเส็ปต์กว้างๆกลับดำเนินขนานกัน ความหวังเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับมนุษย์เสมอ พบกันใหม่กับเรื่องราวใหม่ในคราวหน้า anglo-society ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยทุกคนค่ะ
Reference:

The Holy Bible. The Gideons International in the British Isles: Leicester

พระคริสตธรรมคัมภีร์. สมาคมพระคริสตธรรมไทย กรุงเทพhttp://www.wikipedia.org/
http://www.nationalgeographic.com/blacksea/ax/frame.html
http://www.talkorigins.org/faqs/flood-myths.html
http://www.publicbookshelf.com/public_html/The_Story_of_the_Greatest_Nations_and_the_Worlds_Famous_Events_Vol_1/greekflo_bde.html
http://bible.cc/genesis/6-4.htm
http://www.nwcreation.net/nephilim.html
http://www.gracezone.org/index.php/bible-study/555--the-book-of-enoch
http://freedompressnews.com/Documents/enoch.pdf
http://bible.org/seriespage/sons-god-and-daughters-men-genesis-61-8

Photo Courtesy:



1.http://biblicalgenealogy.kavonrueter.com/Deluge_Michelangelo_1508-1509_Sistina-Vatican.jpg
2.http://willisweb.com/examining-the-bible-genesis-ii/
3.http://www.reversespins.com/enoch.html
4.http://3.bp.blogspot.com/_T5UlQql8sHM/SlXigVsuSLI/AAAAAAAABVg/mhgC4F15GU0/s400/nephilim2.jpg
5.http://whoislikeuntogod.com/2010/02/page/2/
6.http://biblicalgenealogy.kavonrueter.com/GodCommandsNoah-Shem&HamWithNoah_JeanBondol_BibleOfJeanDeSy_Hague.jpg
7.http://www.mennonitechurch.ca/about/viguidelines.htm
8.http://www.book530.com/painting/14189/The-Four-Horsemen-of-the-Apocalypse.html
9.http://www.wmcwels.com/cgi-bin/home.pl?/ClipArt/Vol1Church