วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ว่าด้วย Salad Dressings


อันเนื่องมาจากคำถามอันเดียงสาของสมาชิกหน้าหล่อใน webboard บทความฉบับนี้จึงขอนำเสนอเรื่องน้ำสลัดชนิดต่างๆ (salad dressing(s) คือน้ำสลัด อย่าริเรียก salad water เชียวนะคะ) รู้จักไว้จะได้มีประดับภูมิปัญญา เวลาไปทานอาหารกับฝรั่งหรือไปเข้าร้านอาหารบ้านเขาจะได้ดูเป็นผู้รอบรู้ ชีวิตมีตัวเลือกและได้กินของอร่อยได้หลากหลายขึ้น


(น้ำสลัดกินได้กับอาหารหลายหลาก จะผักสดผักต้ม เนื้อสัตว์หรือใส่ sandwich และ wrap ลองคลุกข้าวหรือใส่ก๋วยเตี๋ยวดู อาจอร่อยตราตรึง)

อันว่าบ้านเราเวลาสั่งสลัดกับร้านทั่วไปก็จะได้มายองเนสมาเป็นของคู่กัน อันว่ามายองเนส (Mayonnaise หรือ Mayo) นั้นฝรั่งใช้ราดสลัดกันในสมัยสงครามโลก ตอนสภาวะอาหารขาดแคลน ชีวิตเลือกกินไม่ได้นัก การสั่งสลัดกินกับมายองเนสในสมัยนี้จึงเป็นอะไรที่สมถะ (ถ้าไม่นับว่าไร้รสนิยม) แต่สมัยนี้มีสูตรอาหารใหม่ๆมากมาย น้ำสลัดเองก็ผสมผสานเกิดขึ้นมีเป็นพันๆชนิด สำหรับคราวนี้เอาชนิดหลักๆที่มีตามร้าน พอเก๋ๆ ไปศึกษาดูก่อนนะคะ จะไล่เรียงจากน้ำสลัดกินง่ายรสคุ้นเคยก่อนก็แล้วกัน

Salad Cream: ชื่อก็ชัดเจนอยู่ว่าคืออะไร อันนี้เป็นน้ำสลัดที่ธรรมดา standard มากค่ะ salad cream มีน้ำมันพืช (vegetable oil) ไข่แดง (egg yolk) ส่วนผสมไม่ซับซ้อนอะไร จริงๆก็คล้าย mayonnaise แต่ใส่ในสัดส่วนที่ต่างกัน จะปรุงให้รสออกเปรี้ยวด้วยน้ำส้มสายชู หรือออกหวานด้วยน้ำตาลก็แล้วแต่จะโปรด salad cream รับประทานกันแพร่หลาย ทานคู่สลัดหรือทา sandwich ก็ได้


Thousand Islands: เป็นน้ำสลัดสัญชาติอเมริกันยอดฮิตที่พบเห็นได้ทั่วไป รสชาติหอมมัน เปรี้ยวนิดๆ กินง่าย เนื้อค่อนข้างข้น สีจะออกส้มๆอมชมพู ส่วนประกอบหลักคือ mayonnaise, ซอสมะเขือเทศ (ketchup) และซอสเผ็ดทาบาสโก (Tabasco sauce) ว่ากันว่าชื่อนี้คงได้มาจากตอนที่ดาราสาว May Irwin และสามีไปเที่ยว Thousand Islands ซึ่งเป็นเขตท่องเที่ยวหนึ่งในนิวยอร์ค She ได้เข้าพักที่รีสอร์ตเล็กๆและได้ชิมน้ำสลัดแบบใหม่นี้ She ติดใจมาก ได้ขอสูตรจากพ่อครัว ตั้งชื่อมันว่า Thousand Islands แล้วก็เอามาเผยแพร่นั่นเอง




Honey Dijon: อ่านว่า ‘ฮันนี่ ดิฌง’ (ใช้ ‘ฌ’ แทนเสียงก้องของเสียง ‘sh’) แน่นอนว่าต้องมีน้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบหลัก ส่วน Dijon นั้นเป็นชื่อของมัสตาร์ดชนิดหนึ่งสีอ่อนแต่รสเข้มข้น บางครั้งผู้ผลิตอาจผสมไวน์หรือน้ำผลไม้ลงไปด้วย นับเป็นสินค้าขึ้นชื่อของเมือง Dijon ในฝรั่งเศส แต่เดี๋ยวนี้ก็หากินได้ตามซุปเปอร์ทั่วไป จากนั้นก็ผสมกับ vegetable oil, mayonnaise เป็นอันเสร็จ รสชาติหวานหอมกลมกล่อมแอบเผ็ดมัสตาร์ดขึ้นจมูกเล็กน้อยเท่านั้น



French Dressing/ Italian หรือ Vinaigrette : ชื่อฟังดูมีรสนิยมทีเดียว น้ำสลัดแบบนี้เหมาะกับผู้ที่ลดความอ้วนเพราะส่วนผสม(ingredients)จะเบาๆ ส่วนผสมหลักคือน้ำส้มสายชู (vinegar) หรือน้ำส้มสายชูหมักที่มีกลิ่นจะตุ่ยๆเฉพาะตัวอย่าง Balsamic vinegar น้ำมันสลัด (salad oil) และอาจปนสมุนไพร (herbs) หรือ เครื่องเทศ (spices) เล็กน้อยพอไฮโซ หากผสมไวน์หรือส่วนผสมที่ทำให้มีสีแดงเรื่อๆลงไปด้วยก็จะเรียกว่า French Dressing นั่นเอง สำหรับน้ำสลัด Italian นั้นก็คือการผสมน้ำมันมะกอก (olive oil) และไม่ได้มีกำเนิดจากประเทศอิตาลีแต่อย่างใด แป่วว




Caesar: ชื่อนี้ได้มาจากเมนูสลัดแบบบังเอิ๊ญบังเอิญจากร้าน Caesar Cardini ในซานดิเอโก มิได้มีประวัติเกี่ยวดองกับ Julius Caesar ตามที่เข้าใจกัน แต่อาจเป็นเพราะนิยมกินกับผักกาดโรมัน ก็เป็นได้ (Roman or Romaine lettuce เรียกอย่างนี้เพราะมันมีก้านยาวและหัวฟูๆแบบเสาโรมันมั้ง: ภาพด้านล่างขวา) ส่วนผสมก็จะมี น้ำมันมะกอกปนกระเทียมสับ (olive oil with crushed garlic) พริกไทยดำบด (ground black pepper) น้ำส้มสายชูปนไวน์ (wine vinegar) น้ำมะนาว (lime or lemon juice) ไข่แดงลวกไม่สุกมาก (coddled egg yolk ) วอสเตอร์ซอส (Worcestershire sauce รสชาติคล้ายจิ๊กโฉ่นั่นแหล่ะ) พามเมซอนชีสแบบขูด (grated parmesan cheese แบบที่อยู่บนโต๊ะร้าน pizza company) และที่เป็น trademark เลยก็คือ ขนมปังกรอบชิ้นเล็กๆที่เรียกว่า croutons แถมโรยด้วยเบคอนทอดกรอบสับเป็นชิ้นเล็กๆ (bacon bits) กรุบกรอบหอมมันน่าดูเชียว


Ranch: คำว่า Ranch ในภาษาอังกฤษแปลว่าฟาร์มปศุสัตว์ น้ำสลัดแบบนี้มีส่วนผสมที่หาได้จากฟาร์มค่ะ นั่นก็คือ buttermilk (นมหมักซึ่งจะเปรี๊ยวๆข้นๆหนืดๆ) หรือไม่ก็ใช้ sour cream (ครีมหมักรสเปรี้ยว) โรยด้วยต้นหอมสับ (minced green onion) หรือผงกระเทียม (garlic powder) ก็กินได้แล้ว รสชาติออกเปรี้ยวและมีกลิ่นตุ่ยพอประมาณบางครั้งฝรั่งเขาก็ใช้ Ranch เป็นน้ำจิ้ม (dipping) จิ้มกินกับผักสดเช่นแครอท ขึ้นช่ายแบบต้นใหญ่ (celery) บร็อคเคอรี่ ขนมปังกรอบ หรือกับของทอดก็ได้ค่ะ




Blue Cheese: สุดยอดน้ำสลัด เพราะมีกลิ่นราตุ่ยๆที่เฉพาะตัวมากๆ ใครลิ้นไม่อินเตอร์มิควรบังอาจตักราดทีละมากๆ เพราะทำจาก blue cheese (ชีสที่หมักบ่มจนราขึ้นสีเขียวๆฟ้า เป็นที่มาของชื่อชีสชนิดนี้ ดูความสยองในภาพ) mayonnaise, sour cream, vinegar นม ผงหัวหอมกระเทียมและผงมัสตาร์ด (dry mustard) น้ำสลัดชนิดนี้เข้มข้นทั้งรสชาติและมวลจึงนิยมใช้เป็น dipping ด้วยเช่นกัน



พอหอมปากหอมคอกันแล้วนะคะ หากจะลองทำเองดูก็ได้ น้ำสลัดในโลกนี้มีไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชนิด เช่น แค่ใส่เต้าเจี้ยวลงไปใน thousand islands ก็กลายเป็นสูตรใหม่ได้แล้ว หัวใจสำคัญคือมันกินกับสลัดแล้วอร่อยนั่นเอง ขอให้โชคดีกับการทดลองค่ะ คริๆ




























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น