วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

Evolution of Swimwear

ขณะที่ฝั่งตะวันตกกำลังหมดลมหนาว เข้าสู่ลมเย็นสบาย อากาศบ้านเราก็เริ่มร้อนอบอ้าวเสียแล้ว ครานี้จึงขอนำเสนอเรื่องคลายร้อนสำหรับบ้านเราว่าด้วยวิวัฒนาการของชุดว่ายน้ำ (bathing suit/ swim suit/ swimwear)

เห็นฝรั่งนอนหราตามหาดในชุด bikini แบบไม่เกรงสายตาและคำวิพากษ์จากธารกำนัลอย่างนี้ เชื่อไหมว่าฝรั่งในสมัยก่อนโดยเฉพาะในยุค Victorian ในประเทศอังกฤษ (ราวศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ศาสนาคริสต์กลับมามีบทบาทสุดๆอีกครั้ง) ถือเรื่องการปกปิดร่างกายและการสงวนเนื้อตัวมากๆเลยทีเดียว ขนาดที่ว่าแค่หนุ่มๆได้เห็นข้อเท้า(ทีมีถุงเท้าปกปิด)ของสาวๆในชุดกระโปรงยาวก็ร้อนรุ่มแล้ว สำหรับบางบ้านที่เคร่งครัดมากๆ ขาโต๊ะหรือขาเปียโนก็ต้องคลุมผ้าอย่างมิดชิดเช่นกัน มิเช่นนั้นจะดูโป๊เกินงาม



นอกจากวัฒนธรรมการสงวนเนื้อสงวนตัวแล้ว ความสวยของสาว Victorian ก็คือการมีผิวขาวนุ่ม ไม่กร้านดำเพราะสายลมและแสงแดดเช่นเดียวกับสาวไทยปัจจุบัน ยามไปทะเลสาวๆ Victorian จึงแต่งตัวกันมิดชิดมาก พวกหล่อนจะใส่ชุดกระโปรงยาว (gown) แขนยาว ถุงมือ และที่สำคัญก็คือหมวกแบบมีปีกบังแดด (bonnet) หรือร่มกันแดดงามๆ (parasol)






พอเข้าช่วงศตวรรษที่ 19 ชุดเดินหาดแสนสวยที่ไม่ใคร่จะสะดวกสบายเอาเสียเลยก็พัฒนารูปทรงให้เดินโต้ลมเล่นคลื่นได้สบายชีวิตขึ้น เป็นแบบทรงขาพองๆที่เรียกว่า Bloomers (bloom = บานออก แต่ชื่อนี้อาจจะมาจากเจ้าของไอเดียคือ Amelia Bloomer) ท่อนบนจะใส่ชุดมิดชิดที่เรียกว่า paletot dress ใส่คู่กับ Turkish pants ดังรูป (ถ้าตกทะเลไปชุดคงอุ้มน้ำน่าดู)






ช่วงกลาง-ปลายศตวรรษที่ 19 สาวๆยังนิยม Turkish pants อยู่ แต่เริ่มสั้นลง กระนั้นสาวๆ Victorian ที่ดีงามตามครรลองก็จะใส่ถุงน่อง (stockings) ซึ่งอาจเป็นถุงน่องธรรมดา เป็นลูกไม้ (lace) หรือริบบิ้นพันไปพันมาไว้ด้วย




ปลายศตวรรษที่ 19 มีกิจกรรมบนชายหาดให้สาวๆได้เพลิดเพลินมากมายทั้ง wind surf และดำน้ำ (diving) ชุดว่ายน้ำในช่วงนี้จึงมีลักษณะทรงที่กระทัดรัดขึ้น แต่ก็ยังคงคุณค่าแบบ Victorian คือไม่เปิดเผยเรียวขาเกินงาม ถ้าไม่ใส่ stockings ไว้ก็จะโชว์ขาเพียงแค่หน้าแข้งเท่านั้น ลายยอดนิยมคือลายกะลาสี (sailor)








ย่างเข้าต้นศตวรรษที่ 20 ชุดว่ายน้ำได้รับการปรับแต่งให้เผยสรีระของหญิงสาวมากขึ้น และโชว์แขนขามากขึ้น เป็นต้นแบบชุดว่ายน้ำแบบ one-piece ในปัจจุบันนั่นเอง ชุดแบบคุณป้านี้เรียกขานกันว่า Athletic Tank Suit ใส่เหมือนกันทั้งชายหญิง ลวดลายในช่วงแรกนั้นไม่หวือหวานัก เป็นลายจุด (polka dots) ลายทาง (stripes) ธรรมด๊าธรรมดา (so plain) แต่ต่อมาลวดลายเก๋ๆก็เพิ่มขึ้น มีการเพิ่ม accessory เข้าไปเป็นลูกเล่น เช่นเข็มขัด และซิป


ช่วงกลางศตวรรษที่ 20 เกิดการรวมร่างชุด tank suit กับ corset กลายเป็น corset-like suit ชุดป้าๆที่แสนน่ารักเรียบร้อยจึงดู sexy ขึ้นทันตาเห็น พอย่างเข้าช่วงปี 1960 ก็ได้ผสม Nylon หรือ Lycra เข้ากับเนื้อผ้าเพื่อให้ได้วัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง ดีไซน์นั้นได้พัฒนาให้กิ๊บเก๋ขึ้นมาก มีทั้งจับจีบ (pleated) และระบาย (flare) การตัดเย็บก็ให้ sexy ยิ่งขึ้นอีกด้วย high cut (เว้าขาสูง) และเฉือนตรงโน้น โหว่ตรงนี้ และเกิดเป็น bikini ในช่วงปลายศตวรรษที่สุด




แต่ที่วงการชุดว่ายน้ำต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว ยิ่งกว่าก็เมื่อชุดว่ายน้ำกลายร่างเป็นแบบ G-string หรือ thong/ tanga ในช่วง 80s จนกระทั่งปัจจุบัน ชุดว่ายน้ำก็ยิ่งหดๆๆลงจนเหลือเชื่อเลยว่าครั้งหนึ่งมันเคยปกปิดเรือนร่างของสาวๆจนมิดชิดถึงตาตุ่ม ชุดว่ายน้ำปัจจุบันนี้มากมายหลายหลาก นอกจากคำทั่วๆไปว่า one-piece และ two-pieceแล้ว เรามาดูกันว่าชุดแบบไหนเรียกว่าอะไรกันบ้างนะคะ เริ่มที่ชุดผู้หญิงก่อนละกัน


ซ้าย: dress ง่ายๆไม่โป๊
กลาง: racerback แบบเสื้อกล้ามนักกีฬา
ขวา: monokini ลูกผสมของ one-piece และ bikini


ซ้าย: v-plunge แบบคอแหลมลึก ถ้าลึกมากก็เรียก deep v-plunge (plunge = ดิ่งลงล่าง)
กลาง: วิวัฒนาการขั้นสูงสุดของ deep v-plunge เรียก slingshot แปลตรงตัวคือหนังสะติ๊กยิงนก เหมือนมั๊ยล่ะ
ขวา: thong หรือ tanga

swimsuit ของผู้ชายก็วิวัฒนามาจนชวนสยิวกิ๊วก๊าวไม่แพ้กัน



ซ้าย: swimbrief กางเกงว่ายน้ำมาตรฐานกางเกงในชายนั่นเอง
กลาง: boardshorts แบบกางเกงสามส่วน เด็กบอร์ดชอบใส่ไว้เล่น surf
ขวา: jammer jam = เหนียวหนึบแบบแยม จึงเป็นชื่อของกางเกงว่ายน้ำเหนียวหนึบติดน้องชายดังภาพ


ซ้าย: wetsuit ชุดเพื่อเปียก ไว้ดำน้ำโดยเฉพาะ
กลาง: fundoshi วิวัฒนามาจากเตี่ยวญี่ปุ่น
ขวา: mankini อาจเรียกได้ว่าเป็น slingshot ไม่ต้องดีดก็เจ็บส์จริงๆ
คราวหน้าจะเลือกชุดว่ายน้ำคงมีไอเดียมากขึ้นแล้วนะคะ ฮิๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น