วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553
Gargoyles, Grotesques และ Chimeras
1. Gargoyle กำลังระบายน้ำขณะฝนตก
2. Gargoyle รูปมังกรจาก St. Vitus Cathedral/ Czech Republic
Gargoyle (การ์กอยล์) เป็นรูปปั้นตัวประหลาด เป็นสัตว์สามัญบ้าง มังกรบ้าง สัตว์ผสมบ้าง คนบ้าง ระบุ species ไม่ได้บ้าง มักมีหน้าตาตลก ประหลาด หรือถึงขั้นน่าเกลียดน่ากลัว เราพบเห็นพวกมันได้ตามแนวรางน้ำหรือผนังด้านนอกของอาคารหรือวิหารเก่าๆสมัยยุคกลาง
ในทางสถาปัตยกรรม gargoyles เป็นรูปปั้นสไตล์ Gothic (ศิลปกรรมยุคกลาง มีลักษณะมืดๆ อึมทึม ลึกลับ ผีหลอก ทว่าสง่างาม ดังที่เคยกล่าวถึงในบทก่อนๆ ) gargoyles ใช้เพื่อการตกแต่งอาคาร (ornaments) บรรดาอาคารก่ออิฐหรือหินสมัยก่อนถ้าพอมีงบประมาณมาละเลียดกับรสนิยมผู้สร้างเสียหน่อยก็จะให้สถาปนิกรวมร่างเจ้า gargoyles ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับช่องระบายน้ำฝนที่ยื่นออกมานอกตัวอาคาร (draining spouts) หรือจากแนวระเบียงอาคาร เพื่อช่วยควบคุมทิศทางการระบายน้ำฝนที่ตกลงมาให้พุ่งออกไปให้ไกลจากตัวอาคาร น้ำฝนจะได้ไม่ไหลมั่วซั่วกระจายไปชะแนวร่องอิฐ (mortar) และจะได้ไม่ชะพื้นบริเวณรอบอาคารให้สึกกร่อนเร็วจนเกินไป
คำว่า gargoyle มาจากคำว่า ‘gargouille’ (การ์กุย) ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า คอหอย หรือหลอดอาหาร (gullet ในภาษาอังกฤษ) คำนี้ยังสอดคล้องกับคำกริยาภาษาฝรั่งเศส ‘gargariser’ หรือ gargle ในภาษาอังกฤษ แปลว่า กลั้วคอ นั่นเอง เวลาฝนตกน้ำฝนก็จะรวมตัวกันไหลพุ่งออกมาจากปากของ gargoyles ราวกับว่าพวกมันกำลังกลั้วน้ำฝนบ้วนลงพื้นมาอย่างน่ารักน่าชังนั่นเอง
ตำนานกล่าวว่า ครั้งหนึ่งมีมังกรคอยาวและบินได้ชื่อเจ้าการ์กุย (La Garguille สันนิษฐานว่าได้ชื่อนี้มาเพราะเสียงกลั้วน้ำกลั้วไฟในลำคอของมัน) มันทำตัวชั่วร้ายพ่นไฟพ่นน้ำทำลายหมู่บ้านและรังควาญผู้คนในแคว้น Rouen (รูออง) ในฝรั่งเศส ชาวบ้านต้องคอยหานักโทษหรือหญิงสาวพรหมจรรย์มาเซ่นสังเวยให้กับมันเพื่อแลกกับความสงบสุข จนกระทั่ง Saint Romanus (เดิมเป็น Bishop of Rouen ที่ปรึกษาของ Clotaire II กษัติรย์ราชวงศ์ Merovingian มีชีวิตอยู่ในช่วงต้น-กลาง ค.ศ. 600) รับปากว่าจะช่วยกำจัด La Gargouille ให้หากชาวบ้านตกลงยอมนับถือศาสนาคริสต์ สร้างโบสถ์ และรับศีลจุ่มเสียให้เป็นเรื่องเป็นราว (be baptized) เมื่อชาวบ้านตกลง Saint Romanus ก็ใช้กางเขน (crucifix) สะกดเจ้า Gargouille และได้จัดการเผาทำลายมัน ทว่าช่วงหัวถึงคอของ La Gargouille ไม่ยอมมอดไหม้ไปด้วย จึงถูกนำไปหลอมเข้ากับกำแพงโบสถ์เพื่อเอาไว้ขู่วิญญาณชั่วร้าย และเป็นการประกาศศักดาว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้สยบต่ออำนาจของพระผู้เป็นเจ้าของคริสตศาสนาแล้ว ชาวบ้านที่ไร้ศาสนา (pagans) ก็จะได้บังเกิดความศรัทธาและยอมรับศาสนาใหม่ได้ การ์กุยติดผนังหัวนี้กลายเป็น model สำหรับ gargoyles ที่อยู่ตามโบสถ์วิหารในรุ่นหลัง โดยเฉพาะในยุคกลาง สถานที่ๆมี gargoyles อยู่มากน่าดูชมแห่งหนึ่งก็คือมหาวิหาร Notre Dame de Paris
3. หน้าต่างกระจกสี (stained glass window) แสดงภาพ Saint Romanus กำลังปราบ La Gargouille
4. แนว gargoyles ที่เรียงรายทำหน้าที่ระบายน้ำยามฝนตกที่ Notre Dame de Paris
เมื่อกาลเวลาผ่านไป gargoyles ก็มีมากหน้าหลายตาขึ้น ไม่ได้มีแต่แค่มังกรคอยาวอย่างเดียว แต่เป็นสัตว์สามัญต่างๆ หรือสัตว์ประหลาดไปเลยก็มี สำหรับรูปสัตว์ นิยมใช้สัตว์ที่มีนัยยะทางคริสตศาสนาได้แก่สัตว์ที่เป็นตัวแทนบาปหนักเจ็ดประการ (The Seven Deadly Sins) ได้แก่
สิงโต แทนความยะโส (pride)
งูเห่า แทนความอิจฉาริษยา (envy) ดังเช่นงูเห่าซาตานที่อิจฉามนุษย์จนมาล่อลวงอีฟและนายอดัม
หมูป่า แทนความโกรธแค้น (anger)
ลา หรือลิง แทนความเฉื่อยความขี้เกียจ (sloth)
หมาป่า แทนความละโมภ (greed)
หมี แทนความตะกละ (gluttony)
หมู หรือแพะ แทนความร่านราคะ (lust)
5. Gargoyle หมูป่า (ข้างๆเป็นชายเลี้ยงแกะ) ที่ St. Barbara's Cathedral/ Czech Republic
6. Gargoyle แพะที่ Notre Dame de Paris
อันที่จริง gargoyles หรือตัวระบายน้ำนี้มีใช้กันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณไม่ใช่แค่ในยุโรป ก่อนยุคกลางมีการพบซาก gargoyles ในอาฟกานิสถาน กรีก และเอธิโอเปีย ทำจากหินแกะสลักเป็นรูปต่างๆและมีรูเพื่อระบายน้ำฝน เทคโนโลยีการระบายน้ำฝนออกจากอาคารนี่ก็มีมานานแล้วทั้งในโลกตะวันตกและตะวันออก
7. Gargoyles โบราณที่ไม่ใช่สัญชาติยุโรป
8. Japanese gargoyles ที่วัด Daitokuji ญี่ปุ่น
9. รางระบายน้ำรูปหัวห่านที่ Changdeokgung Palace กรุงโซล เกาหลีใต้
ในปัจจุบันเราใช้ท่อพีวีซี อลูมิเนียม (aluminum) สเตนเลส (stainless) หรือไวนิล (vinyl) ต่อรางน้ำเพื่อระบายน้ำฝนให้ลงมาตามท่อที่ต่อสู่พื้นอย่างนุ่มนวล ถ้าเราไม่ได้ประดับรูปปั้น gargoyle เราก็เรียกมันว่า draining spout, waterspout หรือ gutter ก็พอนะคะ
10. รางระบายน้ำไวนิลในปัจจุบัน
สำหรับตัวประหลาดหน้าตาน่าเกลียดที่พบเห็นเคียงคู่กับ gargoyles แต่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่นน้ำตอนฝนตกนั้น ในทางเทคนิคเราเรียกพวกนี้ว่า grotesques (อ่านว่า ‘โกรเทสเกอะ’ แปลว่าอัปลักษณ์แบบขนลุกซู่) แต่สมัยนี้คำว่า gargoyles กับ grotesques มีความหมายทับซ้อนไปเสียแล้วเพราะถือว่าอย่างไรเสียก็เป็นตัวอัปลักษณ์นอกกำแพงเหมือนๆกัน เจ้าพวก grotesques นี้ชื่อก็บอกอยู่แล้ว จะอัปลักษณ์จนน่าขันหรือน่ากลัวก็แล้วแต่จินตนาการของคนปั้นจะรังสรรค์ ดูภาพกันเอาเองดีกว่า
11. Grotesques น่ารักน่าชังที่ Oxford University, UK
ส่วนเจ้า Chimera (อ่านว่า ‘ไคเมร่า’ ไม่ใช่ ‘ชิมิร่ะ’) จะว่าไปก็คือ grotesques ประเภทหนึ่ง แต่ลักษณะเฉพาะคือจะเป็นสัตว์ผสมอย่างน้อยสอง species ขึ้นไป เช่น griffins (ตัวเป็นสิงห์มีปีกอันแข็งแกร่งเหมือนนกอินทรีย์), harpies (ครึ่งบนเป็นหญิงสาว มีปีก ครึ่งล่างทั้งหมดเป็นนก) และ mermaids (ครึ่งบนเป็นหญิงสาว ครึ่งล่างเป็นปลา) แต่เดี๋ยวนี้ chimeras ก็ครอบคลุมไปถึง grotesques ที่เป็นสัตว์ประหลาดอื่นๆได้เช่นกัน หน้าที่ของเหล่า grotesques และ chimeras ก็คือการเฝ้ายาม คุ้มกันมิให้มีวิญญาณชั่วร้ายมาแผ้วพานอาคาร grotesques ที่อลังการงานสร้างน่าไปดูก็คงไม่พ้นที่มหาวิหาร Notre Dame de Paris พวกมันนั่งเฝ้าอยู่บนระเบียงชั้นบน ชะโงกหัวออกไปมองผู้คนที่ผ่านไปมา บ้างก็ว่าตกกลางคืนพวกมันก็ออกบินสำรวจเมืองให้อีกต่างหาก
12. เหล่า chimeras บน Notre Dame de Paris
สำหรับคนรัก gargoyles และ grotesques ก็ไม่ต้องห่วงว่าพวกมันจะสูญพันธุ์ไปตามกาลเวลาเพราะร้านค้าเอาใจผู้มีรสนิยมโกธิคทั้งหลายได้ผลิต gargoyles แบบโมเดิร์นที่ทำจากวัสดุราคาไม่แพง สามารถเอามาใช้เป็นรางน้ำได้จริง หรือจะเอามาประดับน้ำพุก็ยังได้
13. ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้คลั่งไคล้ gargoyles
นอกจากนี้อาคารสมัยใหม่บางแห่งก็สร้างเลียนแบบศิลปกรรมโกธิคแถมยังได้ปรับแต่งให้ gargoyles และ grotesques มีรูปลักษณ์เข้ากับยุคสมัยเสียด้วยเช่น
14. Gargoyles หัวนกอินทรีย์ทำจาก stainless steel ที่ Chrysler Building, New York City
15. Gargoyle หัว Darth Vader เป็นตัวแทนความชั่วร้าย ผลงานออกแบบได้รางวัลที่สามของเด็กน้อยจาก Nebraska แกะสลักไว้ที่ Washington National Cathedral
16. Grotesque ตัวนี้ใส่แว่นอ่านหนังสืออยู่ที่ City College บนถนน 137 ใน New York
17. และสุดท้าย...โถฉี่ gargoyles กลั้วน้ำกันให้อร่อยไปเลย เอื๊อกส์
References:
http://en.wikipedia.org/wiki/Gargoyle
http://www.mythicalrealm.com/creatures/gargoyle.html
http://www.notredamedeparis.fr/Gargoyles-and-Chimera
http://gottesblog.blogspot.com/2007/03/legend-of-gargoyle.html
http://www.ponddoc.com/WhatsUpDoc/Statuary/Gargoyle.html
http://historyiselementary.blogspot.com/2010/01/13-gargoyles-grotesques-and-chimerasoh.html
http://weburbanist.com/2009/11/15/gargoyles-from-gothic-garglers-to-grotesque-guardians/
Photo Courtesy (in numerical order)
1. http://3.bp.blogspot.com/_st-nYVIHAHw/R-xSaH7omDI/AAAAAAAAABU/y5f2A7TEKMY/s1600-h/garg+water.bmp
2. http://www.richard-seaman.com/Travel/CzechRepublic/Highlights/index.html
3. http://www.vernon-visite.org/colleg/info/info7.htm
4. http://commons.wikimedia.org/wiki/File:Gargoyles_(Notre-Dame_de_Paris_-_South_Fa%C3%A7ade).jpg
5.http://www.rutlandguttersupply.com/blog/CategoryView,category,gargoyleRoofScupper.aspx
6. http://www.flickr.com/photos/8040300@N05/2352816263
7. http://weburbanist.com/2009/11/15/gargoyles-from-gothic-garglers-to-grotesque-guardians/
8. http://www.danhagerman.com/JapanPhoto7.htm
9. http://citycritics.blogspot.com/2007/04/blog-post_1974.html
10. http://www.plazathai.com/show_pic.php?img=38f1723174419dc970288e826833fc25.jpg
11. http://www.pbase.com/ekchua/oxford_city_gargoyles
12. left: http://www.2idiotsinaboat.com/pilgrim/archives/2002_04.html
middle: http://www.travelblog.org/Photos/453043
right: http://www.dailyventure.com/journal.php?day=NotreDame
13. left: http://inventorspot.com/articles/design_a_gargoyle_goes_with_everything_15626
right:http://www.rutlandguttersupply.com/blog/2009/08/28/GargoyleRainSpoutRoofScupper.aspx
14. http://www.waymarking.com/waymarks/WM3M4P_Chrysler_Building_New_York
15. http://weblog.sinteur.com/index.php/2007/03/30/darth-vader-is-watching-you-from-the-washington-national-cathedral/
16. http://ephemeralnewyork.wordpress.com/category/upper-manhattan/
17. http://www.aigoo.com/category/fun/
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น